ไปเที่ยวจีนใช้แอปอะไรได้ / ไม่ได้
แอปพลิเคชั่นที่ใช้ได้ในประเทศจีน
เตรียมแอปให้พร้อม ก่อนออกเดินทางไปจีน🗺️🇨🇳
ไปเที่ยวจีนใช้แอปอะไรได้ / ไม่ได้: เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลุยแดนมังกร!
สวัสดีค่าทุกคน! บล็อกเกอร์สาวคนเดิมกลับมาแล้วววว 😊 วันนี้จะมาเม้าท์มอยเรื่องสำคัญที่สายเที่ยวจีนต้องรู้เลยค่ะ นั่นก็คือเรื่อง "แอปพลิเคชัน" ที่ใช้ในจีนได้หรือไม่ได้! เพราะจีนเค้ามี Great Firewall ที่กั้นบางแอปจากโลกภายนอกไว้นะคะ ถ้าไม่เตรียมตัวไปก่อน อาจจะงงเป็นไก่ตาแตกได้เลย!
มาดูกันค่ะว่าแอปไหนรอด แอปไหนร่วง และควรเตรียมตัวยังไงบ้าง!
แอปที่ "รอด" ในจีน (ต้องมีติดเครื่อง!)
พวกนี้คือตัวหลักเลยค่ะที่ใช้ในจีนได้สบายหายห่วง และเป็นตัวช่วยชีวิตในการเดินทางของเราเลย:
WeChat (微信 - Wēixìn): อันนี้คือ "Must Have" เลยค่ะ! ไม่ใช่แค่แอปแชทนะคะ แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในจีนจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่แชท โทรศัพท์ (เสียง/วิดีโอ), จ่ายเงิน (WeChat Pay), เรียกแท็กซี่, สั่งอาหาร, จองตั๋วหนัง, จองโรงแรม... สารพัดสิ่ง! แนะนำให้สมัครและผูกบัตรให้เรียบร้อยก่อนไปนะคะ (ถ้าเป็นไปได้) เพราะบางร้านอาจจะรับแค่ WeChat Pay หรือ Alipay เท่านั้นค่ะ
Alipay (支付宝 - Zhīfùbǎo): คู่แข่งตลอดกาลของ WeChat Pay ค่ะ แอปนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ใช้จ่ายเงินได้เกือบทุกที่ในจีนเหมือนกันค่ะ บางร้านอาจจะรับแค่ Alipay ก็มีนะคะ มีติดเครื่องไว้ทั้งคู่จะอุ่นใจที่สุดค่ะ
Baidu Maps (百度地图 - Bǎidù Dìtú) / Amap (高德地图 - Gāodé Dìtú): ลืม Google Maps ไปได้เลยค่ะในจีน! สองแอปนี้คือแผนที่ตัวจริงเสียงจริงของจีนค่ะ แม่นยำกว่าเยอะมาก มีฟังก์ชันนำทางทั้งรถยนต์ รถสาธารณะ (รถเมล์, รถไฟใต้ดิน) และเดินเท้าครบครัน ถึงแม้จะเป็นภาษาจีนเป็นหลัก แต่ก็พอจะใช้ตามสัญลักษณ์หรือปักหมุดเอาได้ค่ะ
Didi Chuxing (滴滴出行 - Dīdī Chūxíng): แอปเรียกรถคล้ายๆ Grab บ้านเราค่ะ ใช้งานง่าย มีภาษาอังกฤษให้เลือกด้วย สะดวกมากเวลาไม่อยากต่อรองราคาแท็กซี่ หรือเรียกแท็กซี่จากที่ที่ไม่มีรถผ่านค่ะ
Trip.com (携程 - Xiéchéng): แอปจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถไฟ บัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของจีนค่ะ ถ้าจะเที่ยวจีนแล้วเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง แอปนี้คือช่วยชีวิตสุดๆ ค่ะ จองง่าย จ่ายสะดวก มีภาษาไทยด้วยนะ! (เพิ่งรีวิวไปเลยค่ะ ลองย้อนไปอ่านดูได้น้า คลิกตรงนี้ )
Baidu Translate (百度翻译 - Bǎidù Fānyì): แอปแปลภาษาของจีนค่ะ ใช้ได้ดีกว่า Google Translate ในจีน (เพราะ Google Translate อาจจะใช้ไม่ได้ถ้าไม่มี VPN) สามารถแปลได้ทั้งข้อความ เสียง และแปลจากรูปภาพได้ด้วยค่ะ
แอปที่ "ร่วง" ในจีน (ถ้าไม่มี VPN คืออด!)
พวกนี้คือแอปที่เราคุ้นเคยกันดี แต่ในจีนถ้าไม่มี VPN คือใช้ไม่ได้เลยนะคะ เตรียมใจไว้เลย:
Google Services (Google Maps, Gmail, Google Search, YouTube, Google Play Store): อันนี้คือโดนบล็อกหมดเลยค่ะ ถ้าไม่มี VPN คือเข้าไม่ได้เลยนะ
Facebook, Instagram, X (Twitter), TikTok (เวอร์ชันสากล): โซเชียลมีเดียยอดฮิตพวกนี้ก็โดนบล็อกหมดค่ะ ถ้าอยากอัปเดตชีวิตลงโซเชียล ต้องมี VPN เท่านั้น!
Line, WhatsApp, Telegram: แอปแชทที่เราใช้กันบ่อยๆ ก็โดนบล็อกเช่นกันค่ะ ถ้าอยากติดต่อเพื่อนที่ไทย ต้องใช้ VPN หรือให้เพื่อนโหลด WeChat มาคุยกันค่ะ
Netflix, Spotify, และแอปสตรีมมิ่งอื่นๆ: ส่วนใหญ่ก็โดนบล็อกเหมือนกันค่ะ ถ้าอยากดูหนังฟังเพลงระหว่างเดินทาง ต้องโหลดมาเก็บไว้ในเครื่องก่อน หรือใช้ VPN ค่ะ
VPN คืออะไร? ทำไมต้องใช้?
VPN (Virtual Private Network) คือตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่โดนบล็อกในจีนได้ค่ะ มันจะสร้าง "อุโมงค์" ปลอดภัยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเราไปยังเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ ทำให้เหมือนเรากำลังใช้งานอินเทอร์เน็ตจากนอกประเทศจีนนั่นเองค่ะ
ข้อแนะนำ:
โหลด VPN ไปจากไทยก่อน! สำคัญมากนะคะ เพราะพอไปถึงจีนแล้ว อาจจะโหลด VPN ไม่ได้ค่ะ
เลือก VPN ที่เชื่อถือได้: บาง VPN อาจจะไม่เสถียร หรือใช้งานไม่ได้ในจีน แนะนำให้หาข้อมูลและทดลองใช้ก่อนเดินทางค่ะ (เช่น ExpressVPN, NordVPN, Astrill VPN)
VPN อาจจะช้าบ้าง: บางที VPN ก็อาจจะทำให้เน็ตช้าลง หรือหลุดบ่อยๆ นะคะ ต้องทำใจนิดนึง
สรุปง่ายๆ ก่อนไปจีน:
โหลด WeChat กับ Alipay ให้เรียบร้อย ผูกบัตรให้พร้อม (ถ้าทำได้)
โหลด Baidu Maps/Amap กับ Didi Chuxing ไว้ใช้เดินทาง
โหลด Trip.com ไว้จองทุกสิ่งอย่าง (คลิกอ่านรีวิว)
ที่สำคัญที่สุดคือ: โหลด VPN ไปจากไทย! และทดลองใช้ให้ชินก่อนไปนะคะ
แค่นี้ก็พร้อมลุยแดนมังกรได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ! ไม่ต้องกลัวหลง ไม่ต้องกลัวอดโซเชียล (ถ้ามี VPN) และที่สำคัญคือจ่ายเงินสะดวกสุดๆ ค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปเที่ยวจีนนะคะ! ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามมาได้เลยน้าาา ยินดีตอบทุกคำถามเลยค่ะ 😊
คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม